Menu Sidebar Widget Area

This is an example widget to show how the Menu Sidebar Widget Area looks by default. You can add custom widgets from the widgets in the admin.

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เสน่ห์สำคัญในเกมกีฬาตะกร้อ นอกจากลูกเสิร์ฟแล้วการเทคตัวขึ้นฟาดหน้าตาข่ายได้ทำให้กีฬาชนิดนี้

ได้รับความนิยมจากแฟนกีฬาอย่างสูง ทุกครั้งที่มีการขึ้นฟาดนอกจากแฟนกีฬาจะรู้สึกเร้าใจกับการเหาะเหินขึ้นเตะลูกตะกร้อกลางอากาศแล้ว ยังรู้สึกเพลิดเพลินกับความสวยงาม ของการตีลังกาขึ้นฟาดดุจดั่งกีฬายิมนาสติกอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมตะกร้อไทย ครองเบอร์ 1 ของโลกมาอย่างยาวนานจนชาติอื่นเทียบไม่ติดเลยนอกจากลูกเสิร์ฟหลังเท้าอันทรงพลังแล้ว การเทคตัวขึ้นฟาดหน้าตาข่ายของนักตะกร้อไทย ก็ไม่ได้เป็น 2 รองใครบนโลกใบนี้เช่นกัน

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วงการลูกพลาสติกไทยได้ผลิตนักตะกร้อตำแหน่งตัวฟาดระดับคุณภาพคับแก้ว ขึ้นมาติดทีมชาติจากรุ่นสู่รุ่นแบบไม่ขาดสาย และมีหลายคนที่พาทีมนักหวดลูกพลาสติกไทย ประสบความสำเร็จในเกมการแข่งขันระดับนานาชาติมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นตำนานที่แฟนกีฬาชาวไทยยกย่องและกล่าวขานจนถึงทุกวันนี้ แม้จะเลิกไปแล้วก็ตาม และในวันนี้จะพาทุกท่านไปดูกันว่า 5 ตัวฟาดที่ดีที่สุดตลอดกาลแห่งทีมตะกร้อไทยมีใครกันบ้าง
ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง ซึ้งอาจจะตรงใจหรือต่างจากความคิดเห็นของท่านผู้อ่าน หากไม่ตรงใจกับใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ โดยจะไล่เรียงจากอันดับที่ 5 ไปจนถึงอันดับที่ 1

อันดับ 5 อิทธิพล คมชัยศักดิ์

ย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว “โอ่ง” อิทธิพล คมชัยศักดิ์ คือหนึ่งในตัวฟาดตัวหลักของทีมตะกร้อไทยในยุคนั้น และพาทีมหวายไทยประสบความสำเร็จหลายรายการ แม้ในศึกเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเป็นเอเชียนเกมส์หนแรกที่ตะกร้อถูกบรรจุแข่งขันจะได้เพียงเหรียญเงินก็ตาม ด้วยลีลาการฟาดด้วยเท้าขวาที่สวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ จึงทำให้อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทยรายนี้ เป็นหนึ่งในตัวฟาดขวัญใจของแฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศ ตลอดช่วงเวลาที่เขารับใช้ชาติ สำหรับจุดเด่นการขึ้นฟาดของ อิทธิพล คมชัยศักดิ์ จนทำให้แฟนตะกร้อยุคนั้น ต่างชื่นชอบและหลงไหลไปตามๆกันก็คือ การขึ้นฟาดได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งหนักและเบา จนบล็อกคู่ต่อสู้จับทางไม่ถูก โดยเฉพาะการขึ้นแตะหยอดซ้าย จนกลายเป็นท่าเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

 

 

อันดับ 4 อนุวัฒน์ ชัยชนะ

หากพูดถึงทีมเซปักตะกร้อไทยในยุคปัจจุบันนอกจาก พรชัย เค้าแก้ว จะเป็นตัวฟาดตัวหลักแล้ว “เดอะคิลเลอร์บี” อนุวัฒน์ ชัยชนะ นักตะกร้อร่วมสังกัดกองทัพบก ก็เป็นตัวฟาดตัวหลักของทีมเช่นกัน แม้จะไม่มีโอกาสลงแข่งขันร่วมกันเนื่องจากเป็นตัวฟาดด้วยกันทั้งคู่ก็แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า จากการที่ทีมตะกร้อไทยยุคนี้ มีตัวฟาดชั้นนำของโลกอยู่ในทีมร่วมกัน 2 คน จึงทำให้ชาติอื่นไม่สามารถต้านทานศักยภาพของทีมนักหวดลูกพลาสติกไทยได้นั้นเอง สำหรับ อนุวัฒน์ ชัยชนะ แม้จะเป็นตัวฟาดที่ไร้เสน่ห์ เนื่องจากท่าฟาดไม่สวยมากนัก ทว่าการขึ้นทำหน้าตาข่ายของเขาทุกครั้ง เต็มไปด้วยความเฉียบขาดและคุณภาพโดยมีจุดเด่นอยู่ที่การขึ้นทำแบบฉาบฉวย จนคู่แข่งขึ้นบล็อกไม่ทันนั้นเอง นอกจากนี้ ยังการมีลูกฟาดที่หนักหน่วงและทรงพลังจนเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

 

 

อันดับ 3 วิรัช โพธิ์ม่วง

พูดถึงอีก 1 นักตะกร้อรุ่นเดอะ ที่ยังอยู่ในใจแฟนกีฬาลูกหวายตลอดมา สำหรับ “ดำอำมหิต” วิรัช โพธิ์ม่วง ตัวฟาดทีมตะกร้อไทยในยุค 80 แม้จะเลิกเล่นไปแล้วกว่า 30 ปีก็ตาม แม้ 2 ปีสุดท้ายก่อนจะเลิกเล่นจะได้เพียงเหรียญเงิน ทั้งศึกเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่งประเทศจีน เมื่อปี 1990 และซีเกมส์ครั้งที่ 16 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงที่เขารุ่งๆ ชาติคู่ปรับอย่ามาเลเซีย ก็ไม่สามารถต้านทานลูกฟาดของเขาได้เช่นกัน จุดเด่นของตัวฟาดจากเมืองพิษณุโลกสองแควรายนี้ คือการขึ้นฟาดที่รุนแรงหนักหน่วง ยิ่งสมัยก่อนยังใช้ลูกหวาย คู่ต่อสู้ที่ขึ้นบล็อก ต้องมีรอยฟกช้ำกลับบ้านเป็นประจำ ซึ่งบางรายถึงขั้นเลือดตกยางออก ด้วยพิษลูกฟาดของ วิรัช โพธิ์ม่วง จนเขาได้รับฉายาว่า “ดำอำมหิต” นั้นเอง

 

อันดับ 2 พูนศักดิ์ เพิ่มทรัพย์

หากพูดถึงนักตะกร้อที่ฟาดสวยที่สุดในพงศาวดารตะกร้อไทย หลายคนต้องนึกถึงเขาคนนี้เป็นอันดับต้นๆ นั่นคือ พูนศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ ตัวฟาดแห่งเซปักตะกร้อทีมชาติไทยในยุค 90 แม้จะเลิกเล่นแล้วกว่า 18 ปี นับตั้งแต่เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 14 ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2002 ทว่าลีลาการฟาดอันสวยงาม ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับท่าลังกาหลังในกีฬายิมนาสติก ยังคงติดตาตรึงใจแฟนกีฬาตลอดมา พร้อมกับทำให้นักตะกร้อในรุ่นหลังๆจำนวนไม่น้อย นำไปเป็นแบบอย่างในการฝึกฟาดอีกด้วย นอกจากท่าจะสวยจนเป็นเสน่ห์มัดใจแฟนกีฬาลูกพลาสติกหลายๆคนแล้ว การขึ้นฟาดของอดีตนักตะกร้อรายนี้ มีความหลากหลายและสามารถเรียกคะแนนได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เต็มข้อ หรือการแตะหยอดก็ตาม

 

อันดับ 1 พรชัย เค้าแก้ว

เชื่อว่าแฟนตะกร้อจำนวนไม่น้อยคงจะมองเหมือนกันว่า ตัวฟาดอันดับ 1 ตลอดกาลแห่งวงการตะกร้อไทย คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ราชาหน้าตาข่าย” พรชัย เค้าแก้ว ตัวฟาดจอมเก๋าวัย 38 ปีจากจังหวัดขอนแก่น ที่ติดทีมชาติมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี นับตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปัจจุบันเขาคนนี้นับเป็นตัวฟาดไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเล่นให้กับทีมชาติมาอย่างยาวนานจนอายุเกือบแตะเลข 4 ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้ ต้องใช้แรงและพละกำลังอย่างมาก พร้อมทั้งเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บมากกว่าตำแหน่งอื่น ผลด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม จากการพาทีมตะกร้อไทยประสบความสำเร็จทุกรายการ โดยเฉพาะกับการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่เขาคว้าไปแล้วทั้งสิ้น 10 เหรียญทอง จนกลายเป็นนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงทำให้ พรชัย เค้าแก้ว คือหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย จนกลายเป็นตำนานไปแล้ว แม้จะยังไม่เลิกเล่นก็ตาม

 

สำหรับลีลาการขึ้นฟาดของ พรชัย นับว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนตะกร้อทุกเพศทุกวัยมาโดยตลอด ด้วยการขึ้นฟาดด้วยเท้าซ้ายที่มีท่วงท่าอันสวยงาม พร้อมทั้งมีความหลากหลายในการเข้าทำ จนเรียกคะแนนได้แทบทุกครั้ง เมื่อยามเทคตัวขึ้นเตะกลางอากาศ จากการรับใช้ทีมชาติมานานเกือบจะ 20 ปี จึงทำให้ชาติคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เมียนมา, เกาหลีใต้ และอีกหลายชาติ รู้สรรพคุณของจอมฟาดรายนี้เป็นอย่างดี จนรู้สึกหวั่นเกรงทุกครั้ง เมื่อเผชิญหน้ากับ พรชัย เค้าแก้ว ในสังเวียนสนามตะกร้อนั้นเอง

By mkwins